ยาลดความอ้วน :: Drug treatment for obesity
ค่านิยมของคนไทยสมัยนี้ คงไม่พ้นเรื่องของผิวขาว และมักจะมาคู่กับความผอม
แต่ที่จะเขียนถึงวันนี้คงเป็นเรื่องหลังก่อน เรื่องอ้วนๆ ผอมๆ เป็นเรื่องขัดหูขัดตามานาน
หลายคนบอกว่าตัวเองอ้วน ทั้งๆ ที่เราดูแล้วก็ไม่เห็นว่าจะอ้วนตรงไหน
ก็ดูมีเนื้อหนังเหมาะสมพอดี เพียงแต่อาจจะมีเริ่มมีพุงเป็นบางส่วน
แต่โดยรวมที่บ่นๆ กันมักจะไม่ได้เข้าขั้นอ้วนเลย ออกไปทางอวบ
หรืออย่างแย่ก็อวบระยะสุดท้าย เรื่องที่น่ากังวลน่าจะเป็นเรื่องสุขภาพมากกว่า
ถ้าน้ำหนักเริ่มเกินเกณฑ์ นั่นแหละน่าจะต้องมาคิดถึงเรื่องลดความอ้วนกัน
ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพโดยแท้ เพราะถ้าอ้วนแล้วก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ ตามมา
พอเริ่มนึกถึงลดความอ้วน หลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ ก็มักจะคิดถึงทางลัด
มากกว่าที่จะนึกถึงเรื่องการออกกำลังกาย เพราะความขี้เกียจหรือข้ออ้างสารพัด
ใครที่มาพูดเรื่องยาลดความอ้วนกับเรา เราก็อดที่จะค้านไม่ได้ทุกครั้งไป
จนกระทั่งเร็วๆ นี้ มีเหตุการณ์ที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอันเนื่องมาจากยานี้
เหตุการณ์มีอยู่ว่า ในคืนนึงที่กำลังจะเตรียมปั่นงานสอนวันรุ่งขึ้น ก็มีนศ.มาตาม
บอกว่าให้ช่วยไปดู นศ.ในหอหนึ่งที่มีอาการไม่สบาย และพูดจาไม่รู้เรื่อง
เวลานั้นเกือบเที่ยงคืนได้แล้ว เราก็รีบเร่งไปดูอาการ ไปถึงก็เริ่มพูดคุยซักถาม
จากการพูดคุย ก็พบว่าเด็กพูดคุยแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง มีอาการไม่ปกติ
ในทางจิต อาการทางกายไม่น่าจะมีอะไร แต่ถามแล้วเด็กบอกปวดท้อง
ก็เลยชักชวนให้ไป รพ. เด็กก็ตกลงไป สอบถามเพื่อนว่าเด็กกินยาอะไรอยู่ไหม
ก็ได้ความว่า กินยาลดความอ้วนของคลินิกหนึ่งมานานพอควร เราเลยคิดละ
ว่าอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยา เลยให้เด็กไปค้นหายา จะได้เอาไปให้หมอดูด้วย
แต่ก็ไม่เจอ ค้นกระเป๋าก็ไม่ได้ เพราะเด็กหวงไว้กับตัวตลอด ค้นไม่ทัน
สักพัก รพ.ส่งรถมูลนิธิฯ มารับเด็ก ปรากฎว่าเด็กไม่ยอมขึ้นรถ เดินดุ่มๆ ออกไป
เดินไปเรื่อยๆ จนจะถึงหน้ามอ อีกทางก็ให้แม่บ้านโทรแจ้งพ่อแม่เด็กให้มารับ
แล้วเราก็รีบไปดักเด็กไม่ออกนอกมอ เพราะยาไม่สามารถปิดประตูหน้ามอให้ได้
เลยต้องไปห้ามทัพ พยายามพูดกับเด็กไม่ให้ออกไปข้างนอก สุดท้ายก็ยอม
นั่งรออยู่ข้างประตูทางออก แล้วก็เริ่มพูดไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เกลี้ยกล่อมให้กลับ
ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับ พอดีพี่ที่ทำงานกองกิจการ นศ ที่เป็นนักจิตวิทยามาช่วย
ก็เลยคุยกันว่าเด็กไม่รับรู้แล้ว คงต้องพาไปส่ง รพ. ก็เรียกรถมาอีกรอบ
คราวนี้รถมูลนิธิมาเหมือนเดิม แต่พร้อมด้วยคนมากขึ้น ดูแล้วเด็กก็คงยังไม่ยอม
ก็เลยต้องอุ้มขึ้นรถกัน ส่งไป รพ. หมอซักถามอาการก็ดูไม่ค่อยเชื่อมาก
เพราะถามเด็กแล้วตอบได้เหมือนรู้เรื่อง ยังว่าเราพาส่ง รพ.ทำไมอีกแน้
สุดท้ายก็บอกว่าขอให้นอนดูอาการที่ รพ.ก่อน พรุ่งนี้พ่อแม่เด็กมาก็ว่ากันอีกที
เดือดร้อนเพื่อนๆ ของเด็กอีก 2 คนที่ต้องนอนเฝ้า กว่าจะได้กลับมานอนก็เกือบตีสาม
เช้าหกโมงกว่าก็รีบไปรับเด็กที่นอนเฝ้ากับหอ ติดตามข่าวภายหลังก็พบว่า
เด็กได้พบกับหมอทางจิตเวชแล้ว พบว่ามีอาการทางจิต สาเหตุน่าจะมาจากยาลดความอ้วน
เราก็เล่าเรื่องนี้ให้หลายๆ คนที่มีความคิดจะกินยาลดความอ้วนฟัง
หวังว่าจะเป็นอุทธาหรณ์ แล้วเลิกล้มความคิดที่จะลดความอ้วนด้วยวิธีนี้
สำหรับนศ. คนนี้ยังเป็นอาการที่ไม่หนักมากนัก แต่ถ้าหากค้นดูข่าวเก่าๆ แล้ว
ก็จะพบว่ามีหลายคนที่กินยาแล้วมีอาการหนักมากกว่านี้หลายเท่า
มีทั้งความจำเสื่อมไปเลย อย่างเช่น ข่าวนี้
http://news.sanook.com/crime/crime_13864.php
หรือ ซึมเศร้า จนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย อย่างเช่นข่าวนี้
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEkxTURRMU1RPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHdOQzB5TlE9PQ==
หรือมีอาการทางประสาท อย่างเช่น ข่าวนี้
http://news.giggog.com/social/cat2/news2945/
ถ้าใครอยากหาอ่านคำเตือนจากแพทย์และบทความน่าสนใจเกี่ยวกับยาลดความเพิ่มเติม
ก็ได้ตาม link ด้านล่างนี้เลย หรือค้นใน google ก็ได้นะ
http://learners.in.th/blog/meple/116121
http://asdf.dek-d.com/board/view.php?id=1080944
http://www.komchadluek.net/news/2004/12-17/p1--53733.html
http://www.geocities.com/yongyang_98/doctors2/food_obese13.html